ปัญญาประดิษฐ์ Artificial intelligence
ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือ เอไอ (AI) หมายถึงความฉลาดเทียมที่สร้างขึ้นให้กับสิ่งที่ไม่มีชีวิต ปัญญาประดิษฐ์เป็นสาขาหนึ่งในด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ และวิศวกรรมเป็นหลัก แต่ยังรวมถึงศาตร์ในด้านอื่นๆอย่างจิตวิทยา ปรัชญา หรือชีววิทยา ซึ่งสาขาปัญญาประดิษฐ์เป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการการคิด การกระทา การให้เหตุผล การปรับตัว หรือการอนุมาน และการทางานของสมอง แม้ว่าดังเดิมนั้นเป็นสาขาหลักในวิทยาการคอมพิวเตอร์ แต่แนวคิดหลายๆ อย่างในศาสตร์นี้ได้มาจากการปรับปรุงเพิ่มเติมจากศาสตร์อื่นๆ เช่น การเรียนรู้ของเครื่อง นั้นมีเทคนิคการเรียนรู้ที่เรียกว่า การเรียนรู้ต้นไม้ตัดสินใจ ซึ่งประยุกต์เอาเทคนิคการอุปนัยของ จอห์น สจวร์ต มิลล์ นักปรัชญาชื่อดังของอังกฤษ มาใช้ เครือข่ายประสาทเทียมก็นาเอาแนวคิดของการทางานของสมองของมนุษย์ มาใช้ในการแก้ปัญหาการแบ่งประเภทของข้อมูล และแก้ปัญหาอื่นๆ ทางสถิติ เช่น การวิเคราะห์ความถดถอยหรือ การปรับเส้นโค้ง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันวงการปัญญาประดิษฐ์ มีการพัฒนาส่วนใหญ่โดยนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ อีกทั้งวิชาปัญญาประดิษฐ์ ก็ต้องเรียนที่ภาควิชาคอมพิวเตอร์ของคณะวิทยาศาสตร์หรือคณะวิศวกรรมศาสตร์ เราจึงถือเอาง่าย ๆ ว่า ศาสตร์นี้เป็นสาขาของวิทยาการคอมพิวเตอร์นั่นเอง
![]() |
หัวใจของปัญญาประดิษฐ์
คอมพิวเตอร์วิทัศน์ (Computer vision)
เป็นการศึกษาเรื่องการมองเห็น การรู้จำภาพ มีสาขาย่อยเช่น การประมวลผลภาพ (image processing)
การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural language processing)
เป็นการศึกษาการแปลความหมายจากภาษามนุษย์ มาเป็นความรู้ที่เครื่องจักรเข้าใจได้ สาขานี้เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับ ภาษาศาสตร์เชิงคำนวณ(computational linguistics)
การแทนความรู้ (Knowledge representation)
เป็นการศึกษาด้านเก็บความรู้ (knowledge) ไว้ในเครื่องจักร โดยมีประเด็นสำคัญ คือ ทำอย่างไรจะแสดงความรู้ได้อย่างกระทัดรัด ประหยัดหน่วยความจำ จะนำความรู้ที่เก็บไว้นี้ไปใช้ในการให้เหตุผลอย่างไร และ จะมีการเรียนรู้ความรู้ใหม่ ๆ ด้วยเทคนิคการเรียนรู้ของเครื่อง ให้ความรู้ที่ได้อยู่ในรูปแบบความรู้ที่เราออกแบบไว้ได้อย่างไร
การแทนความรู้สามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลัก คือ
ความรู้ที่แน่นอน (certain knowledge) เช่น การแทนความรู้ด้วยตรรกศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น first-order logic หรือ propositional logic
ความรู้ที่มีความไม่แน่นอนมาเกี่ยวข้อง (uncertain knowledge) เช่น ฟัซซี่ลอจิก (fuzzy logic) และเครือข่ายแบบเบย์ ( bayesian networks)
การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine learning)
เป็นการศึกษากระบวนการเรียนรู้ เพื่อให้เครื่องจักรสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้คล้ายมนุษย์ มีสาขาย่อยมากมาย เช่น การสังเคราะห์โปรแกรม (program synthesis)
การคิดให้เหตุผล (Inference หรือ automated reasoning)
เป็นการคิดให้เหตุผลเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างอัตโนมัติจากความรู้ที่มีอยู่ในเครื่อง การให้เหตุผลด้วยวิธีใดนั้นขึ้นอยู่กับการแทนความรู้ของเครื่อง (knowledge representation) โดยตรง เทคนิคที่นิยมใช้กันมากก็คือ การเขียนโปรแกรมเชิงตรรกะ (Logic programming) เมื่อเราแทนความรู้ของเครื่องด้วย first-order logic และ bayesian inference เมื่อเราแทนความรู้ของเครื่องด้วย bayesian networks
การวางแผนของเครื่อง (Automated Planning)
การค้นหาเชิงการจัด (Combinatorial search) เนื่องจากเวลาเราพยายามแก้ปัญหาในงานวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ วิธีมาตรฐานอย่างหนึ่งคือ พยายามมองปัญหาให้อยู่ในรูปปัญหาของการค้นหา การค้นหาจึงเป็นพื้นฐานของการโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์แทบทุกประเภท
ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert system)
เป็นการศึกษาเรื่องสร้างระบบความรู้ของปัญหาเฉพาะอย่าง เช่น การแพทย์หรือวิทยาศาสตร์ จุดประสงค์ของระบบนี้คือ ทำให้เสมือนมีมนุษย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา และคำตอบเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ งานวิจัยด้านนี้มีจุดประสงค์หลักว่า เราไม่ต้องพึ่งมนุษย์ในการแก้ปัญหา แต่อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติแล้ว ระบบผู้เชี่ยวชาญยังต้องพึ่งมนุษย์เพื่อให้ความรู้พื้นฐานในช่วงแรก การจะทำงานวิจัยเรื่องนี้ต้องอาศัยความรู้พื้นฐานหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น การแทนความรู้, การให้เหตุผล และ การเรียนรู้ของเครื่อง
เครือข่ายงานประสาทเทียม (Neural network)
- ชีวิตประดิษฐ์ (Artificial
life) เป็นการศึกษาพฤติกรรมของชีวิตเทียมที่เราออกแบบและสร้างขึ้น
- ปัญญาประดิษฐ์แบบกระจาย (Distributed
Artificial Intelligence) ความเจริญก้าวหน้าของคอมพิวเตอร์เป็นไปในทุกด้าน ทั้งทางด้านฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์
การที่มีพัฒนาการเจริญก้าวหน้า จึงทำให้นักคอมพิวเตอร์ตั้งความหวังที่จะทำให้คอมพิวเตอร์มีความฉลาด และช่วยทำงานให้มนุษย์ได้มากขึ้น โดยเฉพาะวิทยาการด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial
Intelligence : AI) ซึ่งเชื่อกันว่าจะเป็นวิทยาการที่จะช่วยให้มนุษย์ใช้คอมพิวเตอร์ แก้ปัญหาต่าง ๆ ที่สำคัญ เช่น
การให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ ภาษามนุษย์
รู้จักการใช้เหตุผล
การเรียนรู้
ตลอดจนการสร้างหุ่นยนต์
ปัญญาประดิษฐ์ หมายถึง การสร้างเครื่องจักรให้สามารถทำงานได้เหมือนคนที่ใช้ปัญญา หรืออาจ
กล่าวได้ว่าเป็นการประดิษฐ์ปัญญาให้คอมพิวเตอร์
เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถจำลองการทำงานต่างๆ เลียนแบบพฤติกรรมของคน
โดยเน้นแนวคิดตามแบบสมองมนุษย์ที่มีการวางแผนการเรียนรู้ การให้เหตุผล
การตัดสินใจ การแก้ปัญหา ตลอดจนการเลือกแนวทางดำเนินการในลักษณะคล้ายมนุษย์
ความรู้ทางด้านปัญญาประดิษฐ์
จึงรวมไปถึงการสร้างระบบที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถมองเห็น
และจำแนกรูปภาพ หรือสิ่งต่าง ๆ ออกจากกัน ในด้านการฟังเสียง ก็รับรู้ และแยกแยะเสียง
และจดจำ คำพูด และเสียงต่าง ๆ ได้
การสัมผัส และรับรู้ข้อมูล ข่าวสาร
จะต้องมีกระบวนการเก็บความรอบรู้
การถ่ายทอด การแปลความ และการนำเอาความรู้มาใช้ประโยชน์
หากให้คอมพิวเตอร์รับรู้ข่าวสาร และเหตุการณ์ต่าง ๆ แล้ว ก็สามารถนำเอาความรู้ต่าง ๆ เหล่านั้น
มาประมวลผลได้ ก็จะมีประโยชน์ได้มาก เช่น
ถ้าให้คอมพิวเตอร์มีข้อมูลเกี่ยวกับคำศัพท์
มีความเข้าใจ ในเรื่องประโยค
และความหมายแล้วสามารถประมวลผลเข้าใจประโยคที่รับเข้าไป การประมวลผล
ภาษาในลักษณะ นี้จึงเรียกว่า การประมวลผลภาษาธรรมชาติ โดยจุดมุ่งหมาย ที่จะทำให้คอมพิวเตอร์
มีความสามารถในการใช้ภาษา เข้าใจภาษา และนำไปประยุกต์ งานด้านต่าง ๆ เช่น การตรวจสอบ
ตัวสะกดในโปรแกรมประมวลคำตรวจสอบการใช้ประโยคที่กำกวม ตรวจสอบ
ไวยากรณ์ ที่อาจผิดพลาด
และหากมีความสามารถดีก็จะนำไปใช้ในเรื่องการแปลภาษาได้
ปัญญาประดิษฐ์
จึงเป็นเรื่องที่นักวิจัยได้พยายามดำเนินการ
และสร้างรากฐานไว้สำหรับอนาคต มีการคิดค้น
หลักการ ทฤษฎี และวิธีการต่าง ๆ
เพื่อทำให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานอย่างมีเหตุผล มีการพัฒนา โครงสร้างฐาน
ความรอบรู้
ปัญญาประดิษฐ์
เป็นวิชาการที่มีหลักการต่าง ๆ มากมาย
และมีการนำออกไปใช้บ้างแล้ว เช่น การแทน
ความรอบรู้ ด้วยโครงสร้าง ข้อมูล
ลักษณะพิเศษ
การคิดหาเหตุผลเพื่อนำข้อสรุป
ไปใช้งาน การค้นหาเปรียบเทียบรูปแบบ
ตลอดจนกระบวนการเรียนรู้ที่เป็นประโยชน์อย่างมีขั้นตอน เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์สะสมความรู้ได้เอง
ตัวอย่างปัญญาประดิษฐ์
อ้างอิง : http://www.vcharkarn.com/varticle/38450
ตัวอย่างวิดีโอ : http://www.youtube.com/watch?v=eld34Clkn6Q
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น